ข่า ถือเป็นผักอีกชนิดหนึ่งที่คนไทยนั้นนิยมเอามาทำอาหารกันเรียกได้ว่าข่านั้น เป็นพืชผักชนิดหนึ่งที่อยู่คู่ครัวไทยมาอย่างยาวนานเลยก็ว่าได้เพราะขาดหรือเป็นพืชเครื่องเทศที่ใช้มาปรุงแต่งอาหารและกลิ่นของรสชาติทำให้มีอาหารที่มีรสชาติอร่อยมากยิ่งขึ้นจึงนิยมนำมาทำเป็นเมนูได้อย่างหลากหลายมากมายเลยทีเดียว
แต่บอกเลยว่าข่านั้นนอกจากจะเป็น ผักเครื่องเทศที่ช่วยเพิ่มรสชาติของอาหารเท่านั้น บอกเลยว่ามันนั้น ยังมีคุณประโยชน์มากมายและมีคนอีกหลายอย่างทั้งช่วยในเรื่องของการแก้ท้องอืดท้องเฟ้อขับเสมหะขับเหงื่อจึงไม่แปลกที่ข่านั้นกลายเป็นสมุนไพรในประเทศไทยอีกชิ้นหนึ่ง และก็มีผู้คนต่างให้ความสนใจเป็นอย่างมาก
จึงไม่แปลกที่มีชาวเกษตรกรในหลายพื้นที่มีการนิยมปลูกค่ะการเพื่อป้อนตลาดเพราะข่าถือเป็นพืชผักที่มีความต้องการสูงและข้อดีของข่านั้นก็ยังมีอีกอย่างนึงนั่นก็คือสามารถดูแลง่ายและปลูกง่าย โดยในวันนี้เราจะพาทุกคนนั้นไปพบกับ คุณเบียร์ (ราชพฤกษ์ รักษาการ) ถือเป็นชาวเกษตรอีกคนหนึ่งที่สนใจในเรื่องของคาเหลืองเป็นอย่างมากเพราะว่าขาวเหลืองนั้นเป็นผักที่สามารถปลูกได้ง่ายไม่ต้องดูแลมากและมีการทำฟาร์มเลี้ยงกบเลี้ยงปลาเป็นหลักอยู่แล้วจึงได้มีการปลูกข่าเหลืองเพิ่มขึ้นมาอีก โดยคุณเบียร์นั้นได้มีการบอกกล่าวว่าจากการทำฟาร์มปลาและฟาร์มกบนั้นก็ทำให้เขามีโอกาสได้เดินทางไปทั่วประเทศไทยเพื่อส่งรูปมาแล้วลูกกบให้กับลูกค้าทั่วประเทศจึงทำให้เขานั้นได้พบกับประสบการณ์ดีๆและมีการพบกับพืชผักหลากหลายชนิดที่มีการปลูกในเชิงการค้าในบ้านเรา
และเมื่อเขานั้นได้รู้จักกับข่าเหลือง จึงรู้สึกเกิดความสนใจและได้มีการศึกษาหาข้อมูลในการปลูกและประโยชน์ของข่าเหลืองอีกทั้งมีการเตรียมแปลงปลูกจริงในแหล่งผลิตที่ขึ้นชื่อในแทบทุกที่ทั้งจังหวัดระนอง จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดสมุทรปราการก่อนที่จะมีการตัดสินใจซื้อขายเหลืองมาปลูกโดยปลูกในพื้นที่มากกว่า 50 ไร่ในเขตฟาร์มของตัวเอง
โดยข่านั้นมีหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นข่าเหลืองหรือข่าแดงหรือข่าหยวก โดยในบรรดาข่าทั้งหมดนั้นข่าเหลืองถือว่าน่าสนใจเป็นอย่างมากเพราะเป็นขาที่มีรสชาติอร่อยมีสีเหลืองสวยเมื่อทำเครื่องแกงก็จะได้สีสวยกินอะไรบ้างและหอมไม่มีเสี้ยนจึงทำให้ขาดเหลืออะไรเป็นที่นิยมของผู้บริโภคเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะในทางภาคใต้และภาคอีสานที่มีตลาดความต้องการสูงและสามารถขายได้ในราคาที่สูงกว่าชนิดอื่นอีกด้วย
ที่ได้มีการปลูกข่าเหลืองโดยสิ่งแรกที่ต้องทำนั่นก็คือการหาซื้อพันธุ์ค่ะโดยในพื้นที่ 1 ไร่จะมีการปลูกข่าทั้งหมดประมาณ 500 กิโลกรัมราคาต้นขาจะตกอยู่ที่กิโลกรัมละ 30 บาทเท่ากับว่าต้นทุนค่าพันจะอยู่สูงถึงประมาณ 15,000 บาท/ไร่เลยทีเดียว และด้วยเหตุนี้นี่คือเป็นเหตุผลที่ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่ลงทุนปลูกข่าเหลืองเพราะมีค่าลงทุนที่สูงแต่เมื่อคุณเบียร์ปลูก 50 ไร่เท่ากับว่าเขาต้องได้ต้นข่า ข่ามากกว่า 25000 กก.จึงกลายเป็นปริมาณต้นพันธุ์ที่มีราคาค่อนข้างมากจึงต้องมีการสั่งซื้อจากหลายพื้นที่
โดย พันธุ์ข่าที่ดีที่ดีจะต้องมีอายุประมาณ 8 เดือนขึ้นไปจึงจะเหมาะสำหรับการทำพันธุ์ โดยการปลูกขานั้นก็เหมือนกับการปลูกผักทั่วไปซึ่งใช้ระยะในการปลูกประมาณ 70×70 ซม. 1 หลุมจะปลูก 2 ต้นหรือ 2 แง่ง การให้น้ำจะปล่อยน้ำเข้าร่องอาทิตย์ละครั้ง ส่วนการให้ปุ๋ยใส่เดือนละครั้ง โดยใช้ยูเรียในช่วงแรก เดือนถัดมาใส่สูตรเสมอ และเร่งหัวข่าให้ใหญ่ด้วยสูตรตัวท้ายสูงอย่าง 0-0-60 อัตราปุ๋ย 1 กระสอบ/ไร่ โดยประมาณ
โดยจะมีการขายครั้งแรกในช่วงอายุ 6 เดือนโดยในช่วงนี้จะเป็นข่าอ่อนซึ่งเป็นข่าที่รับประทานเป็นอยู่ในทุกๆวันแต่ถ้าปลูกเกิน 8 เดือนขึ้นไปจะเป็นข่าแก่ความอร่อยจะน้อยลง โดยข่า 1 กจะได้มาประมาณ 25 ต้น เวลาขุดออกเหลือ กอละ 5 ต้นเพื่อให้ข่าเติบโตและให้ผลผลิตรุ่นต่อไป สำหรับราคาข่าเหลืองที่ขายกันอยู่ทั่วไปนั้นจะเหมาอยู่ในไร่ตันละ 40000 บาท ราคาหน้าตลาดจะอยู่ที่ตลาด 60,000 บาทต่อ 1 ไร่ซึ่งจะให้ผลผลิตประมาณ 3.5-4 ตัน
สำหรับตลาดของข่าเหลืองนั้นบอกเลยว่ามีตลาดรองรับที่ค่อนข้างกว้างและกลายเป็นที่นิยมของผู้บริโภคเป็นอย่างมากโดยเฉพาะในเขตทางภาคใต้และภาคอีสานรวมถึงโรงงานผลิตเครื่องแกงต่างๆก็จะมีการรับมาทำผลิตสินค้าออกมาโดยจะมีแม่ค้าเข้ามาซื้อสิ่งที่สวนเพื่อซื้อเข้าไปที่โรงงานโดยจะมีการขายส่งทางโรงงานพริกแกง โรงงานบะหมี่สำเร็จรูปหรือมาม่า รวมทั้งส่งออกต่างประเทศด้วย ฉะนั้นจึงทำให้ขากลายเป็นพืชที่มีตลาดรองรับอย่างแน่นอน
คำเตือน
– การลงทุนมีความเสี่ยง ควรศึกษาตลาด และวางแผนการปลูกทุกครั้ง